Botox

Botox

โบท็อกซ์(Botox)

ในปัจจุบัน การบำรุงดูแลผิวหน้าด้วยอาหารและวิตามินเพื่อให้ผิวดูกระชับเต่งตึงอาจไม่เพียงพอสำหรับคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน ด้วยวิถีชีวิตทีเต็มไปด้วยความเร่งรีบ นอนดึกตื่นเช้าทุกวันจนไม่มีเวลาดูแลตนเองมากพอ กระทั่งผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อย ดูไม่กระชับเหมือนสมัยเป็นวัยรุ่น ทำให้หลายคนจำเป็นต้องมองหาเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมดูแลผิวหน้าอื่น ที่จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้ และโบท็อกซ์ก็เป็นหนึ่งในคำตอบที่ใช่และได้รับความนิยมในปัจจุบัน

โบท็อกซ์(Botox) คืออะไร
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของสารสกัดที่เรียกว่า “ โบทูลินัม ท็อกซิน เอ” (Botulinum toxin A ) จากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินัม ( Clostridium botulinum ) เป็นนวัตกรรมเพื่อลดริ้วรอยและปรับรูปใบหน้าซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ต้องการให้ผิวใบหน้าไม่หย่อนคล้อย กล้ามเนื้อผิวหน้ามีความกระชับ ดูเรียวสวยเต่งตึง และรูขุมขนตื้นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด นอกจากนี้ โบท็อกซ์ยังนำไปใช้การรักษาอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น
- ไมเกรน
- ตาเข
- หนังตากระตุก
- กล้ามเนื้อคอหดเกร็ง
- กล้ามเนื้อหลังอักเสบเรื้อรัง
- แก้ปัญหาในผู้ที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ โดยเฉพาะที่บริเวณมือและรักแร้
ข้อเสียบางอย่างที่ผู้เข้ารับบริการต้องพึงระวัง เพราะสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ นั้นเป็นพิษต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ซึ่งหากได้รับโดยรับประทานเข้าไป ก็อาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ หรือทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ และผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์นั้นจะไม่ถาวร เพราะสารนี้สามารถไปเองได้ภายในเวลา6เดือน แต่หากผู้ใช้ต้องการเข้ารับการฉีดอีก ก็สามารถมาเติมได้เป็นระยะๆ

อัลเลอร์แกน (Allergan)

ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นโบท็อกซ์ตัวดั่งเดิมที่ผลิตมายาวนาน มีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก และผ่านการพัฒนาเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีโอกาสดื้อยาน้อยที่สุด ข้อดีของโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้คือ กระจายตัวแคบ ทำให้ควบคุมการฉีด ได้แม่นยำ ตรงจุด แต่ในทางกลับกัน หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ ก็จะเห็นข้อผิดพลาดได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคิ้วกระดก ยิ้มแข็งหรือแก้มตอบ

โบทูแล็กซ์ (Botulax)
ผลิตในประเทศเกาหลีจุดเด่นคือ ออกฤทธิ์เห็นผลค่อนข้างไว ราคาประหยัด แต่ข้อเสียคือ สลายตัวเร็วไม่ค่อยคงทนยาวนานมากนัก

นาโบตะ (Nabota)
ผลิตในประเทศเกาหลี จัดเป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อพรีเมียม
มีสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์เร็ว เน้นใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่หน้าผาก หางตา ปรับรูปหน้า ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามดูเล็กลง

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์
ก่อนเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับบริการจำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ก่อน เพื่อทำการตรวจผิวหนังและปรึกษาเกี่ยวกับบริเวณที่จะฉีดดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงอาจต้องมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้
- งดรับประทานยา หรือวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก
-- ยาแอสไพริน(Aspirin)
-- ยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidalanti-lnflammatory Drugs:nsaids)
-- ยาวาร์ฟาริน (Warfarin)
-- วิตามินซี
-- น้ำมันตับปลา
-- แปะก๊วย
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- งดรับประทานอาหารประเภทหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
- งดรับประทานอาหารที่เผ็ดมากๆ หรือแสบร้อนจนหน้าแดง
- งดรับประทานอาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- งดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด ไม่ควรประคบร้อน

ขั้นตอนในการฉีดโบท็อกซ์
1. แพทย์ตรวจสอบสภาพผิวที่จะทำการฉีดโบท็อกซ์ และพูดคุยกับผู้เข้ารับบริการว่าจะฉีดบริเวณจุดไหนบ้าง รวมถงยี่ห้อผลิตภัณฑ์ในการฉีดว่าเป็นยี่ห้อใด
2. แพทย์จะทายาชาหรือใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่ฉีดก่อน เพื่อให้ไม่รู้สึกเจ็บจนเกินไป
3. แพทย์ทำการฉีดโบท็อกซ์โดยจะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารโปรตีนปริมาณพอเหมาะลงไปที่กล้ามเนื้อ เวลาในการฉีดจะประมาณ10-15นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณและปริมาณที่ฉีด

การทำงานของโบท็อกซ์
หลังจากแพทย์ทำการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในส่วนที่ต้องการรักษาแล้ว
สารโบท็อกซ์จะเข้าไปจับที่ปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทมาสามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ หรือจะเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นอัมพาตชั่วคราว จึงทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัวซึ่งระยะเวลาที่จะเห็นผลหลังจากการฉีดโบท็อกซ์แล้วจะอยู่ที่ภายใน1-2สัปดาห์ และจะอยู่ได้นาน3-6เดือนหลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อยๆ หดตัวจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ที่ฉีดรวมถึงการดูแลรักษาของแต่ละบุคคลด้วย

การดูแลรักษาหลังการฉีดโบท็อกซ์
- ไม่นอนราบในช่วง3-4ชั่วโมงแรกหลังจากการฉีด เพราะโบท็อกซ์อาจไหลไปในบริเวณที่ไม่ต้องการ
- ให้นอนหงายหนุนหมอนสูง ในคืนแรกของการรักษา
- ไม่ประคบร้อนและระวังอย่าให้ลมร้อนจากไดร์เป่าผมไปเป่าในบริเวณที่พึ่งฉีดเป็นเวลา2สัปดาห์
- ไม่นวด กด บีบ คลึงบริเวณที่พึงทำการฉีดเป็นเวลา6-8ชั่วโมง เนื่องจากจะทำให้ยากระจาย ไปออกฤทธิ์ในบริเวณอื่นได้
- ควรไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษา และหากพบความผิดปกติก่อนวันนัด
เช่น หนังตาตก ปวดศีรษะ ปวดคอ เห็นภาพซ้อน ตาแห้ง มีอาการแพ้หรือหายใจไม่สะดวก ควรติดต่อแพทย์ทันทีเพื่อปรึกษาว่าควรเลื่อนการฉีดออกไปก่อนหรือไม่

Botox

  1. Botox

    Botox

PAGE TOP